รับติดฟิล์มอาคาร ฟิล์มนิรภัย ฟิล์มตกแต่งภายใน ฟิล์มฝ้าขาวขุ่น

จิรายุฟิล์มและผ้าม่าน - 2015 ผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตั้งฟิล์มอาคาร บ้าน คอนโด
รับติดฟิล์มบ้าน รับติดฟิล์มอาคาร รับติดฟิล์มคอนโด และ สติกเกอร์ฝ้า ทุกยี่ห้อ
บริการผ้าม่าน รับติดตั้งผ้าม่านทุกเเบบ ม่านม้วน ม่านจีบ ม่านโปร่ง กันเเดด กันยูวี

เรามาดู "เทคนิคการเลือกฟิล์มกรองแสง" กันเถอะค่ะ


เทคนิคการเลือกฟิล์มกรองแสง
การติดตั้งฟิล์มกรองแสงมีประโยชน์มากมาย ตั้งแต่การปกป้องภายในตัวบ้านจากแสงแดด เพิ่มความเป็นส่วนตัว เพิ่มสีสรรของตัวบ้าน และช่วยลดความร้อนจากแสงแดดซึ่งถือเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับในเมืองร้อนอย่างประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามฟิล์มกรองแสงต่างมีคุณภาพและคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป ตามวัสดุที่ใช้ในการผลิต และนี่คือปัจจัยสำหรับการเลือกฟิล์มกรองแสง เพื่อให้ได้ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพและเหมาะกับความต้องการของคุณที่สุด

1. เลือกประเภทของฟิล์มกรองแสงที่ต้องการ
โดยปกติแล้วทั่วไปจะแบ่งฟิล์มกรองแสงออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ ได้แก่ ฟิล์มธรรมดาไม่สะท้อนแสง (non-reflective film) และ ฟิล์มที่มีส่วนผสมของโลหะ (metalized film)

ฟิล์มธรรมดาไม่สะท้อนแสง มีความสามารถทั้งในการลดความร้อนและแสงรบกวน โดยฟิล์มธรรมดาไม่สะท้อนแสงที่นิยมมากที่สุดคือ ฟิล์มประเภท Dyed films หากเปรียบเทียบฟิล์มธรรมดากับฟิล์มที่มีส่วนผสมของโลหะ จะสังเกตได้ว่าฟิล์มที่มีส่วนผสมของโลหะจะสามารถลดความร้อนได้มากกว่า เนื่องจากอนุภาคของโลหะจะช่วยสะท้อนแสงออกไปจากตัวบ้าน นอกไปจากนั้นฟิล์มที่มีส่วนผสมของโหละยังให้ความเป็นส่วนตัวได้มากกว่า เนื่องจากการสะท้อนเงาเมื่อมองจากภายนอก อย่างไรก็ตามการติดตั้งฟิล์มที่มีส่วนผสมของโลหะที่มีราคาถูกอาจะมีผลต่อการส่งสัญญาณโทรศัพท์ได้

นอกเหนือไปจากการแบ่งฟิล์มออกเป็นสองประเภทด้านบนแล้ว ในปัจจุบันยังมีฟิล์มอีกประเภทที่ได้รับความนิยมสูง นั้นก็คือฟิล์มที่ผลิตด้วยวัสดุคาร์บอน และ เซรามิก หรือเรียกโดยทั่วไปว่า ฟิล์มนาโน ซึงมีคุณสมบัติในการลดความร้อนที่สูงมากถึง 85% ขึ้นไป และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น โดยฟิล์มนาโนเหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการเปลี่ยนฟิล์มบ่อยๆ และมองหาความคุ้มค่าในระยะยาว เนื่องจากมีราคาสูงกว่าฟิล์มตัวอื่นในตลาด

2. รู้จักคุณสมบัติของฟิล์ม
ในการเลือกติดตั้งฟิล์มกรองแสง มีคุณสมบัติของฟิล์มที่ควรจะพิจารณณาได้แก่ การลดความร้อน, การป้องกันรังสี UV, การสะท้อนแสง และเปอร์เซ็นต์แสงสองผ่าน (ความเข้ม)

โดยปกติแล้วฟิล์มในระดับมาตรฐานควรจะมีความสามารถในป้องกันรังสี UV ที่ 99% เพื่อป้องกันอันตรายจากแสงแดดที่จะมีผลต่อทั้งผู้อยู่ในตัวบ้านและวัสดุภายในตัวบ้าน ส่วนค่าสะท้อนแสงและเปอร์เซ็นแสงส่องผ่านนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของบ้าน ว่าต้องการฟิล์มที่มีความเข้มหรือสะท้อนมากเพียงใด แต่โดยทั่วไปแล้วไม่ควรเลือกฟิล์มที่มีความเข้มหรือสะท้อนแสงมากจนเกินไปนัก เนื่องจากอาจจะมีผลต่อช่วงเวลาที่มีแดดจ้าได้

ในส่วนของคุณสมบัติลดความร้อนถือว่าเป็นอีกคุณสมบัตินึงที่สำคัญที่สุดในการเลือกฟิล์มกรองแสง เนื่องจากสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่มีความร้อนสูงในช่วงกลางวัน โดยสามารถดูความสามารถลดความร้อนของฟิล์มได้จากเอกสารที่มาจากผุ้ผลิต คุณสมบัติในการลดความร้อนสามารถดูได้จากสองค่า ได้แก่ IRR ( ความสามารถในการป้องกันรังสีอินฟราเรด ) และ TSER ( ความสามารถในการลดความร้อนรวม ) ซึ่งมียิ่งมีค่าสูงนั้นหมายความว่าฟิล์มกรองแสงนั้นมีความสามารถในการลดความร้อนสูงตามไปด้วย

ในปัจจุบันร้านค้าหรือผู้ให้บริการติดตั้งร้านค้าส่วนใหญ่ จะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าโดยการวัดคุณสมบัติของฟิล์มที่กำลังจะติดตั้งให้จากลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าฟิล์มที่เลือกนั้นมีคุณภาพที่ดีตามที่โฆษณา โดยทางผู้ให้บริการจะใช้เครื่องทดสอบที่สามารถบอกเปอร์เซ็นแสงสองผ่าน ( VLT ), ความสามารถในการผ่านของรังสี UV ( UVT ) และ ความสามารถในการผ่านของรังสี IR
( IRT ) 

3. ช่างติดตั้งที่ชำนาญและสถานที่ได้มาตรฐาน
หากคุณต้องการติดตั้งฟิล์มกรองแสง การมองหาร้านหรือช่างติดตั้งที่ได้มาตรฐานการรับรองจากผู้ผลิตฟิล์มยอมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แน่ใจได้ว่าฟิล์มกรองแสงจะได้รับการติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรม ภายในสถานที่ได้มาตรฐานซึ่งส่วนใหญ่แล้วควรจะเป็นพิ้นที่ปิดและมีฝุ่นน้อย เนื่องจากฝุ่นอาจเข้าไปอยู่ในตัวฟิล์มและสร้างความเสียหายแก่ฟิล์มกรองแสงในขณะติดตั้งได้ นอกไปจากนั้นผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองยังสามารถออกใบรับประกันที่คุณสามารถใช้เคลมได้ในกรณีที่เกิดมีปัญหาฟิล์มซีด ลอก พอง

สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
โทรศัพท์ : 02-889-7350 แฟกซ์ : 02-889-7315
มือถือ : 099-635-9424 (TRUE) , 081-735-9512 (AIS)
Fanpage : จิรายุฟิล์มและผ้าม่าน - 2015