ฟิล์มกรองแสงคืออะไร?
ฟิล์มกรองแสงลดความร้อน ผลิตจากพลาสติกโพลีเอสเตอร์ที่มีคุณสมบัติเหนียว ใส เรียบ ยืดหยุ่นน้อย ไม่ดูดซับความชื้น มีความทนทานต่อสภาพอากาศทั้งสูงและต่ำได้เป็นอย่างดี ในเนื้อฟิล์มกรองแสง จะมีวัสดุที่ใช้เพื่อป้องกันความร้อนและรังสียูวี โดยใช้เทคโนโลยี ในการผลิตเป็นชิ้นๆ ผสานด้วยกาวพิเศษเพื่อการยึดเกาะได้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าว จึงเหมาะที่จะนำไปเป็น ฟิล์มอาคาร ฟิล์มคอนโด ฟิล์มโรงแรม ฟิล์มรีสอร์ท ฟิล์มสำนักงาน ฟิล์มที่พักอาศัยและฟิล์มติดกระจกในสถานที่ต่างๆ
ความหนา (Thickness) | ความหนาของฟิล์มจะมีหน่วยวัดเป็น MIL (มิว) โดย 1 MIL = 0.001 นิ้ว ( 1/1000 นิ้ว) ความหนาของฟิล์มกรองแสงจะอยู่ระหว่าง 1.5-2.0 มิล. (.0015-.0020 นิ้ว)
- ฟิล์มเข้ม 80 คือฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน ( VLT ) ได้ประมาณ 5 %
- ฟิล์มเข้ม 60 คือฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน ( VLT ) ได้ประมาณ 20 %
- ฟิล์มเข้ม 40 คือฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน ( VLT ) ได้ประมาณ 40-50 %
**และถ้าใสกว่านี้โดยทั่วไปก็จะเรียกว่าฟิล์มใส - ค่าแสงส่องผ่าน (Visible Light Trasmittance) ค่า VLT สูง = สามารถส่องผ่านได้มาก = ทำให้ห้องสว่าง
- การสะท้อนของแสง (Visible Light Reflectance) ค่า VLR สูง = มีปริมาณปรอทมาก = แสงสะท้อนได้มาก = สามารถลดความร้อนดี
- การป้องกันความร้อน (Infrared Light Rejection) ค่า IR สูง = สามารถลดความร้อนดี
- การลดรังสียูวี (UV Rejection) โดยปกติฟิล์มทุกชนิดจะสามารถป้องกัน UV ได้เท่ากันคือ 99%
หลายๆ คนยังเข้าใจผิดๆว่า ฟิล์มที่มีสีเข้มหรือทึบ ช่วยลดความร้อนได้ดี ในความจริงแล้ว สีหรือความทึบของฟิล์มกรองแสงไม่ได้เป็นตัวช่วยลดความร้อน แต่กลับเป็นสารเคลือบตัวอื่นๆ ที่ทำหน้าที่หลักนี้ต่างหาก
ส่วนประกอบของความร้อนที่เราได้รับนั้นมีสัดส่วนและแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ- ความสว่างของแสงมีสัดส่วน 44%
- รังสีอินฟาเรด (รังสีใต้แดด) มีอยู่ 53%
- รังสียูวี (รังสีเหนือม่วง,รังสีอุลตร้าไวโอเลต) มีอยู่ 3%
ดังนั้นฟิล์มกรองแสงที่สามารถลดความร้อนได้ดีควรจะลดรังสีทั้ง 3 ส่วนได้มากๆตัวอย่างเช่น หากท่านติดฟิล์มกรองแสงที่มีความทึบแสงมากๆ แต่ฟิล์มกรองแสงนั้นๆ เป็นประเภทฟิล์มย้อมสีหรือเป็นฟิล์มกรองแสงที่ไม่ได้มีส่วนผสมของโลหะหรือ สารพิเศษใดๆ ท่านจะรู้สึกถึงความร้อนที่ผ่านชั้นผิวของฟิล์มกรองแสงเข้ามา นั่นก็คือฟิล์มกรองแสงนั้นๆสามารถลดได้แค่ความสว่างของแสงที่มีสัดส่วนอยู่ 44% แต่รังสีอินฟาเรดยังสามารถผ่านทะลุเข้ามาได้จนรู้สึกถึงความร้อน ในทางกลับกันหากท่านติดฟิล์มกรองแสงที่มีส่วนผสมพิเศษไม่ว่าจะเป็นส่วนผสม ของโลหะหรืออื่นๆ แต่ฟิล์มกรองแสงนั้นๆ มีค่าความทึบแสงน้อย(แสงส่องผ่านเข้าไปได้เยอะ) ท่านก็จะรู้สึกถึงความร้อนจากความสว่างของแสงที่ส่องผ่านฟิล์มกรองแสงเข้ามา ส่วนรังสียูวีนั้นเป็นส่วนประกอบน้อยมากของความร้อน (3%) ซึ่งฟิล์มกรองแสงเกือบทั้งหมดสามารถลดรังสียูวีได้มากกว่า 99% อยู่แล้ว
ส่วนประกอบของความร้อน
ฟิลม์กรองเเสงเป็นวัสดุที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อใช้ในการควบคุมพลังงานความร้อนจากเเสงอาทิตย์ ผลิตจากพลาสติกชนิดหนึ่งซึ่งทำจากเเผ่นโพลีเอสเตอร์ต่างๆ (PVDG, Tedlar Foils Metallized Film, Acetate, PET,Polyolefins and Polycarbonates) โดยใช้เทคโนโลยีในการเคลือบชั้นฟิล์ม ต่างๆกันเช่น สี,โลหะ, กาว, สารกันรอยขีดข่วน, สารดูดซับรังสี uv ซึ่งเเผ่นโพลีเอสเตอร์เป็นวัสดุที่เหมาะต่อการผลิตฟิล์มเนื่องจากมีความเหนียว ทนทาน ยืดหยุ่นน้อย ดูดซับความชื้นน้อย เเละสามารถทนอุณหภูมิได้ทั้งสูงต่ำ ซึ่งเหมาะสำหรับการนำไปใช้เป็น ฟิล์มอาคาร ฟิล์มคอนโด ฟิล์มที่พักอาศัย และฟิล์มกระจกในที่ต่าง ๆ
ส่วนประกอบของความร้อนที่เราได้รับนั้นมีสัดส่วนและแบ่งเป็น 3 ส่วนคือสาเหตุที่ติดฟิล์มกรองแสงกันร้อน แล้วยังร้อน! เหตุผลเป็นเพราะฟิล์มกรองแสงทั่วไป กันความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้เพียงรังสี UV และแสงสว่าง (VL) เท่านั้น ซึ่งเป็นเพียง 44% ของความร้อนทั้งหมด ที่เหลือคือความร้อนจากรังสีอินฟราเรด(IR) ที่มีมากถึง 53% ดังนั้น เวลาเลือกฟิล์มกรองแสงที่กันร้อนได้จริง ต้องดูที่ค่ารังสีอินฟราเรด (IR) เป็นหลัก
- ความสว่างของแสงมีสัดส่วน 44%
- รังสีอินฟาเรด (รังสีใต้แดด) มีอยู่ 53%
- รังสียูวี (รังสีเหนือม่วง,รังสีอุลตร้าไวโอเลต) มีอยู่ 3%
สนใจติดต่อสอบถาม
โทรศัพท์ : 02-889-7350
แฟกซ์ : 02-889-7315
มือถือ : 099-635-9424 (TRUE) , 081-735-9512 (AIS)
Fanpage : จิรายุฟิล์มและผ้าม่าน - 2015
ติดตามผลงานเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ >>http://www.ฟิล์มอาคาร.com